ประเด็นของ Entry นี้ก็แค่อยากจะบอกว่า "ถ้าจะซื้อหุ้นกูเนี่ย เค้าดูอะไรกันบ้าง" จากการนั่งถกเถียงกับทีมงานเป็นเวลาซักพัก ก็ทำให้สามารถสรุปเป็นประเด็นหลัก ที่น่าสนใจได้ดังนี้
1. ดูความน่าเชื่อถือของบริษัท เหยด!! นี่เป็นประเด็นแรกที่ควรจะดูโดยแท้จริง หากเราจะซื้อหุ้นกู้ของบริษัทไหนแล้ว ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องทำความรู้จักบริษัทนั้นก่อน แล้วมีประเด็นอะไรบ้างล่ะที่ต้องดู
1.1 ข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่นว่า บริษัทนี้ผลิตส้นตีนอะไรขาย โครงสร้างเงินทุนเป็นยังไง กระแสเงินสดของมันเป็นยังไง ความสามารถในการทำกำไรมีเยอะมั้ยอะไรทำนองนี้แหละนะ
1.2 ผลประกอบการ แน่นอน เป็นปัจจัยที่จะต้องนำมาพิจารณา เพราะถ้าผลประกอบการขอบริษัทมันไม่ดี มันก็มีความเสี่ยงที่จะเจ๊ง แล้วหนี้ของเราก็ปิ๋วไงล่ะจ๊ะ
1.3 Rating & Investment Grade ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หุ้นจะได้รับการประเมินจากสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการประเมินหุ้น เช่น S&P ( ไม่ใช่ร้านเค้กนะ) ว่ามี Rating เท่าไหร่ ซึ่งผลของการประเมินมันก็จะออกมาเหมือน Grade นี่แหละ เช่น AAA, AA, BBB- อะไรทำนองนี้หละนะ ซึ่งหุ้นที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้เนี่ย ไม่ควรจะมี Rating ที่ต่ำกว่า BBB- นะจ๊ะ หรือถ้า Rating ต่ำกว่านี้จริง ผู้ขายหุ้นก็ควรจะให้ราคา Coupon Rate ที่สูงกว่า เพื่อที่จะดึงดูดให้นักลงทุนยอมเสี่ยง
2. ดู Coupon Rate อันนี้เป็นปัจจัยหลักที่ดูเลยก็ว่าได้ เพราะเราจะได้เงินเยอะหรือน้อย ก็ดูตาม Coupon Rate นี่แหละจ้า ถ้ายิ่งให้ Coupon Rate มากกว่าราคาตลาดเยอะ ก็ยิ่งดึงดูดนักลงทุน แล้วดูยังไงล่ะ โดยปกติแล้วการซื้อหุ้นกู้จะมีตัวเลขที่ต้องนำมาพิจารณาอยู่ 2 ตัวก็คือ ราคา Bond และ Coupon Rate ราคา Bond ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ราคา Face Value (ประมาณ 1,000 บาท มั้ง) ส่วน Coupon Rate นี่ก็คือ % ของดอกเบี้ยที่เราจะได้ โดยท้ายที่สุดแล้ว เราจะได้เงินเท่าไหร่ก็ให้ลองเอา Coupon Rate * Par Value ดู ก็จะได้เท่านั้นแหละ ซึ่งโดยทั่วไปในประเด็นของการดู Coupon Rate เราก็จะดูว่า
2.1 Coupon Rate >= Market Rate ถูกป่ะ ถึงจะน่าสนใจ โดยที่ Face Value จะต้องเท่าเดิม (1,000) หรือน้อยกว่าเดิม (แต่ส่วนใหญ่ถ้า Coupon Rate เยอะกว่าตลาดมาก Face Value จะแพงกว่าราคา Par เพราะคนแม่งแย่งกันซื้อ)
2.2 ถ้า Face Value เปลี่ยน เนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม โดยอาจจะเปลี่ยนโดย ถ้า Coupon Rate ให้มากกว่า Market Rate เยอะ ทำให้คนแห่มาซื้อ Face Value อาจจะแพงขึ้น เรียกว่า Premium Bond หรือ ในกรณีที่ Coupon Rate เท่าตลาด แต่ Rating บริษัทไม่ค่อยจะดี บริษัทก็อาจจะออกให้มาเป็น Discount Bond ก็ได้นะจ๊ะ อันนี้ต้องมานั่งคำนวนกันละ ว่าอันไหนให้ค่าตอบแทนมากกว่ากัน
3. ดูอายุหุ้น ดูไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย เผื่อเราเกิดร้อนเงินกระทันหัน อยากได้ตังค์คืน ก็จะเกิดความเสี่ยงในแง่ที่เราต้องการจะขายเอาได้นะจ๊ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หุ้นกู้ระยะยาวจะให้ดอกเบี้ยที่เยอะกว่าระยะสั้น เนื่องจากมันไปลดภาระของบริษัทได้
4. ดูสิทธิพิเศษ แหม่ ทำเป็นบัตรเครดิตไปได้ แต่มันมีจริงนะเออ ดูไว้หน่อย เผื่อขายหุ้นกู้ให้เรา แล้วให้สิทธิความเป็นเจ้าของ ก็น่าสนใจใช่มะ
5. ดูความเสี่ยง อันนี้ปวดหัวละ เพราะความเสี่ยงนั้นมันมีหลายด้านเหลือเกิน แต่โดยรวมแล้วก็น่าจะมีดังนี้
5.1 ความเสี่ยงจากการผิดนัดหนี้ ถ้ามันเบี้ยวหนี้ เราทำไงดีฟระ
5.2 ความเสี่ยงจากสภาพคล่องของตัวหุ้น สมมุติถ้าอยากขายก่อนกำหนด จะขายได้คล่องป่าวหว่า
5.3 ความเสี่ยงด้านราคา สมมุติมีเหตุให้ขายก่อน ไม่ว่าจะร้อนเงิน หรืออะไรก็ตาม มันจะได้กำไรมากกว่าการถือจนครบกำหนดป่าวหว่า หรือจะขาดทุน โอ๊ย!! ปวดหมอง
6. ดูในแง่การลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนชนิดอื่น เช่น กำไรจากการซื้อและถือครบกำหนด มันได้มากกว่าการเอาเงินไปทำอย่างอื่นมั้ยวะ หรือถ้าเราฝากธนาคาร แม่งได้เงินเท่าซื้อหุ้นส้นตีนนี่เลย แถมความเสี่ยงน้อยกว่าอีก ก็ว่ากันไป
No comments:
Post a Comment