ดูจากหัวข้อคาดว่าทุกคนคงงงแดรกแน่นอน นี่ก็เป็นรูปแบบการแปลที่น่าทึ่งของ Google Translate ที่พยายามแปลภาษาไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าผู้ใช้งานทั้งหลาย อีกหนึ่งเทคโนโลยีนึงที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทยคือ "เครื่องตัดสัญญาณอินเตอร์เนท" ที่เหลิมเป็ดบอกจะนำเข้ามาในราคา 400 ล้านบาทตามข่าวที่เห็นในหน้านี้ http://www.blognone.com/news/28340 ถ้าพูดกันตามตรงโดยที่ยังไม่เอาราคามารวม กุก็ยังไม่เคยได้ยินว่าโลกนี้มันมีเครื่องเหี้ยมนี่เกิดขึ้นมาแต่อย่างใด
ไร้สาระกันมาพอหอมปากหอมคอ วันนี้ตัวกระผมจะขอนำเสนอเทคโนโลยีที่กำลังจะมา แต่ไม่รู้ว่าจะโดนรึเปล่าในประเทศไทย นั่นก็คือ NFC เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้างหากติดตามข่าวสารด้าน Gadget หรือ Smartphone ซึ่งเป็นข่าวลือว่า Smartphone หลายรุ่นจะมีเทคโนโลยี NFC นี้ติดมาด้วย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับมันกับฮะ
NFC คืออะไร
NFC นั้นเป็นร้ายแฟรนชายส์ที่ขายไก่ทอดชื่อดัง (ทุ้ย!! นั่นมัน KFC) อันที่จริงแล้วมันย่อมาจาก Near Field Communication ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะสั้น ซึ่งถ้าถามว่าสั้นแค่ไหนนั้น ผมขอบอกเลยว่าแค่ประมาณ 3 นาที่เท่าต้มมาม่าเสร็จ (ทุ้ย!! เค้าหมายถึงระยะทาง) หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ให้นึกภาพตามถึงบัตรที่เราติ๊ดเข้าออฟฟิส (RFID) อ่ะ ก็คือจะมีตัวปล่อยสัญญาณแล้วก็มีตัวรับสัญญาณหลักการธรรมดาทั่วไป แล้วถ้าถามว่าทำไมต้องมี NFC ด้วย ตอนนี้เราก็มี Bluetooth อยู่แล้วนี่นะ
ถ้าลองเอา NFC มาเปรียบเทียบกับ Bluetooth ซึ่งเป็น การสื่อสารไร้สายระยะสั้นเหมือนกันจะเห็นได้ว่า NFC นั้นจะส่งข้อมูลได้ช้ากว่า Bluetooth และระยะที่สามารถส่งสัญญาณได้นั้นสั้นกว่า แต่อย่าไรก็ตามมันใช้พลังงานน้อยกว่า แล้วก็ไม่ต้อง Pair เหมือน Bluetooth โดยที่ Maximum Transfer Rate ของ NFC นั้นมีค่าเท่ากับ 424 KBIT/S และข้อดีจากการที่มันสามารถส่งสัญญาณได้ในระยะที่สั้นกว่าก็คือจะไม่มี Interception เยอะเหมือน Bluetooth ซึ่งถ้าหากใครยังไม่กระจ่างชัดเรื่อง NFC ก็สามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Near_field_communication หรือ http://www.nfc-forum.org/home/ โดยในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตโทรศัพท์หลายค่ายก็ได้พยายามผลักดันให้ NFC กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก (ประเทศไทยไม่นับ 555+) เพื่อให้ใช้ในวงกว้าง ลองนึกภาพที่เราไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าตังค์ บัตรขึ้นรถไฟฟ้า ตั๋วหนัง หรือแม้กระทั่ง บัตรประชาชน ซึ่งแน่นอนหลักการทำงานก็จำเป็นจะต้องมีการส่งสัญญาณโดย NFC ซึ่งจะมีลักษณะเป็น Chips และถูกฝังลงในมือถือของเรา และยังต้องมีเครื่องรับสัญญาณเหมือนเครื่องติ๊ดบัตรที่เหล่าร้านค้าจะต้องไปสรรหามาตั้งไว้ เพราะ "คนเรามันตบมือข้างเดียวไม่ดัง" อย่างที่พวกพี่วง Instinct บอกมา ซึ่งอีกไม่นานโลกของเราก็คงจะได้เห็นการใช้งาน NFC ออกมาบ้างแหละ
No comments:
Post a Comment