Showing posts with label market. Show all posts
Showing posts with label market. Show all posts

Thursday, February 2, 2012

Review Go Launcher EX

เพิ่งเคย Review Mobile Application ครั้งแรกเขิลเหมือนกันแฮะ วันนี้ตัวกระผมมี App จำนวน 1 ตัวไม่มากไม่น้อยมานำเสนอ ตัวนั้นมีชื่อว่า Go Launcher EX นั่นเอง ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนกำลังใช้อยู่ หลายคนรู้จักแต่ไม่ได้ใช้ และหลายคนไม่รู้จักเลย แต่ในเมื่อเราเลือกเป็นชายชาติ Android แล้ว รู้จักไว้ซักหน่อยก็ไม่เสียหายนะ

Home Replacement Application คืออะไร
ป๊าดโถ่ะ!! ง่ายนิดเดียว (แล้วเมิงจะให้มาทำความรู้จักก่อนทำไม) ก็ตัว Operating System ของ Android เนี่ย มันเป็น Open Source อย่างที่ทุกคนรู้ คราวนี้ เมื่อผู้ผลิตมือถืออยากจะผลิตมือถือ Android ซักเครื่องเนี่ย ก็จะต้องเอา Source Code จาก Android ไปเพื่อ Modify เป็น Version ของผู้ผลิตเอง ยกตัวอย่างเช่น Sense UI ของ HTC หรือ Android ที่เราคุ้นตาในทันทีที่เราเปิดเครื่องใหม่มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น LG, Samsung, หรือ Motolora นั่นเอง คราวนี้ปัญหามันเกิดตรงที่ว่า Launcher ที่เกิดจากการ Modify จากผู้ผลิตมือถือเนี่ย ความยืดหยุ่นค่อนข้างน้อย หรืออาจจะมีปัญหาอื่นเช่น แดรกแบตเตอรี่ หรือ เรนเดอร์หน้าจอค่อนข้างช้า มันก็เลยเกิด Application จำพวก Home Replacement ขึ้นมายังไงล่ะจ๊ะ

Home Replacement Application มีอะไรบ้าง
เท่าที่หาใน Android Market มาเนี่ย ค่อนข้างจะมีมากมายหลายตัวอยู่เหมือนกัน แต่ตัวที่เด่นดังเนี่ย น่าจะมีอยู่ประมาณ 3 - 4 ตัวเห็นจะได้ (ความเห็นส่วนตัว) ก็คือ Go Launcher EX, Launcher Pro Plus, ADW Launcher บางตัวฟรี บางตัวก็ไม่ฟรี ซึ่งแต่ละตัวก็มีความสามารถรวมถึงรูปแบบที่แตกต่างกัน ก็แล้วแต่ชอบละกันนะจ๊ะ

มาเริ่มทำความรู้จัก Go Launcher EX กันได้
พอกดค้นหาคำว่า Launcher ใน Android Market เท่านั้น Go Launcher EX ก็จะโผล่มาให้เราเห็นทันควัน พอกดมาดูว่า App นี้มี Rating เท่าไหร่ ก็พบว่า โอ้ว!! ได้ตั้ง 4.7/5 จากผู้ให้คะแนน 290,566 ราย (ซึ่งข้อมูลมีจำนวนมากพอ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานมีไม่มาก ชี้ให้เห็นว่า App นี้น่าสนใจอย่างมีนัยสำคัญแล้วล่ะ (ว่าไปนั่น)
อีกหนึ่งประเด็นที่มักถูกมองข้ามคือ ใครคือผู้ผลิต อย่าลืมลองไปหาข้อมูลพวกนี้ไว้ด้วยก้ไม่เสียหายนะจ๊ะ คราวนี้ลองมาดูในรายละเอียดในหน้า Market ดูว่า GLEX ตัวนี้ทำอะไรได้บ้าง

- มันบอกว่ามี Themes ให้เลือกใช้เป็นพัน (ฟรีอีกตะหาก)
- มี Widgets ให้เลือกใช้มากมาย เช่น GO Calendar, GO Task Manager
- มี Effect การเปลี่ยนหน้าจอที่หลากหลาย
- ให้ความรู้ลึกลื่นไหลเวลาเปลี่ยนหน้าจอ
- สร้าง Folder เพื่อจัดชนิดของ Application ได้
- เปลี่ยน Icons, ซ่อน App Icons, และ Uninstall Apps ได้
อ่านจบแค่นี้ก็ไม่ต้องคิดมากครับ "โหลดเลยดีกว่า" เพราะแม่งดีกว่า Launcher ที่ติดมากับมือถือแบบขาดรอย และอีกประเด็นที่ทำให้ App นี้น่าใช้มากก็คือ "แม่งฟรี" ฮะ คนไทย ต่อให้ App ถูกขนาดไหนก็ไม่ยอมจะซื้อกัน แต่ไม่เป็นไร บัดนี้สวรรค์ได้ประทานของถูกและดีให้พวกเมิงได้ใช้กันแล้วฮะ ลองโหลดโลด หรือถ้าใครยังไม่มั่นใจว่าจะโหลดดีมั้ยก็ลองอ่านตามประเด็นด้านล่างกันต่อจ่ะ

สวยมั้ย
ต้องบอกว่าสวยไม่สวยขึ้นอยู่กะเมิงแต่งหน้าจอสวยมั้ย Android ถูกออกแบบมาให้มีหน้า Home แยกกับหน้า Application หรือที่เรียกกันว่า App Drawer (หากใครใช้ iPhone มาจะงงนิดหน่อย) ซึ่งหน้า Home นี้เอง จะอนุญาติให้เราใส่พวก Widgets ตามความชอบ หรือความสะดวกได้เลย โดยที่หลักของการปรับแต่ง ก็จะค้ายกันคือลาก Widgets ที่เราชอบมาวางไว้บนหน้า Home ได้เลย แต่ที่เด็ดก็คือเราสามารถปรับเปลี่ยนชื่อ App Shortcut ที่มาวางบนหน้าจอได้ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยน Icon หรือ Action ที่ 4 ปุ่มด้านล่างได้อย่างอิสระ โดยรวมแล้วการออกแบบ GLEX ทำออกมาได้ ค่อนข้างน่ารัก และ Clean หรือถ้าใครไม่ชอบแบบดั้งเดิมแต่ขี้เกียจแต่งเอง ใน Android Market ก็มี Themes ให้เลือก Download ได้ฟรีตั้งมากมายและ Update ต่อเนี่งอีกด้วย (ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่ทำให้ GLEX โด่งดังขนาดนี้) ถ้าลองเปรียบเทียบกับ Launcher Pro Plus หรือ ADW ในแง่ความสวย ผม No Comment  เพราะเรื่องความสวยมันเป็นความชอบส่วนตัว ผมชอบคุณอาจจะไม่ชอบก็ได้

ปรับได้เยอะมั้ย
เยอะค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว (อย่างน้อยก็เยอะกว่าที่แถมมากะมือถือล่ะนะ) ซึ่งจะมาอธิบายทีละปุ่มเลยนะ
- Add คือ เพิ่ม Item ไม่ว่าจะเป็น Widgets, Short Cut หรือ อะไรก็ตามเข้ามาในหน้า Home Screen ซึ่งผู้ใช้งานอาจจะใช้วิธีการกด ค้างที่หน้า Home Screen ก็สามารถ Add ได้เหมือนกันจ้า
- Wallpaper เปลี่ยน Wallpaper ธรรมดานี่แหละ
- Theme เปลี่ยนหรือ Download Theme ได้ในนี้นะจ๊ะ
- Go Store ในเมนูนี้จะรวบรวม Product ที่ GO DEV TEAM เป็นผู้ผลิตนะจ๊ะ
- Edit เพิ่มหรือลดจำนวนหน้า Home Screen แถมยังจัดเรียง Sequence ของหน้าได้ด้วยนะเออ
- Preference ในเมนูนี้ก็จะรวบรวมการปรับแต่งมากมายซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง
- Setting เมนูนี้คือเมนู Setting หลักของ Android นะจ๊ะ
- Effect อันนี้เอาไว้ปรับแต่งพวก Effect เวลาเปลี่ยนหน้า Home Screen, ตอนเปิด App Drawer และตอนเปลี่ยนหน้า App Drawer จ่ะ

ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่า GO DEV TEAM ทำได้ดีและยืดหยุ่น คราวนี้ลองมาดูใน App Drawer กันมั่งว่าปรับอะไรได้บ้าง
- เรียง Apps ได้หลายแบบ ทั้งตามตัวอักษร หรือตามว่าตัวไหน Installed ก่อน หลัง
- สร้าง Folder
- ซ่อน App ที่เราไม่ใช้งานบ่อย ก็จะทำให้เราหา App ง่ายขึ้นเยอะเลยนะเออ
- Setting ที่เกี่ยวกับ App Drawer เช่น จำนวน App ด้านนอนและด้านตั้ง, ตั้งค่าว่าจะให้มี Recent และ Running หรือไม่, หรือจะเปลี่ยนรูปแบบ App Drawer ไปเลยก็ยังได้

คราวนี้เราลองมาเจาะลึกว่าไอ้เมนู Preference เนี่ยทำอะไรได้บ้าง ซึ่งทั่วไปแล้ว GLEX ก็ได้แบ่งการ Setting เป็นตามประเภทได้ 6 หัวข้อคือ
1. Visual Setting ซึ่งจะทำให้เราปรับ Background, Icons, Font และ Screen Indicator ได้
2. Screen Setting ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับเกี่ยวกับ Home Screen เช่น จำนวน Icons แนวนอนและแนวตั้ง, เอาหรือไม่เอา Status Bar, หรือแม้กระทั่งปรับ Speed ในการเปลี่ยนหน้า
3. App Drawer Setting ก็ปรับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ App Drawer น่ะสิ
4. Effect Setting ก็เอาไว้ปรับ Effect เวลาเปลี่ยนหน้า (Transition) น่ะสิ
5. Gesture Setting ไว้ปรับ Action ตามต้องการ
โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบการปรับแต่งได้เยอะขนาดนี้ ซึ่งหากถามว่าปรับได้เยอะมั้ย บอกได้เลยว่าเยอะ

เร็วมั้ย
อันนี้ตอบค่อนข้างยาก ต้องถามว่าเทียบกับอะไร หากเทียบกับ IOS ก็บอกได้เลยว่า ยังไง Android ก็ไม่มีทางเร็วกว่า IOS หรอก เพราะมันใช้ Java เป็น Base และอย่างที่ทุกคนรู้ Java มี Garbage Collection ซึ่งจะตื่นขึ้นมาเคลีย Garbage อยู่เป็นประจำซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุกเล็กน้อย ตอนที่เราเล่นน่ะแหละ คราวนี้ ถ้าถามว่าทำไมไม่แก้ ก็ต้องตอบว่า ไม่ใช่ไม่แก้ แต่มันแก้ไม่ได้ เพราะ App ใน Android Market ขณะนี้เนี่ย มันเยอะเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง Core OS แล้ว แล้วถ้าเทียบกับ Android ด้วยกันล่ะ
ก็ต้องตอบว่าแล้วแต่อยู่ดี Android Phone มี Specification ที่หลากหลาย ใช้ Hardware ที่ต่างกัน ดังนั้นมันก็เลยให้ Performance ที่ต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าลื่นขึ้นมากทีเดียวหากเทียบกับ Android ที่มากับตัวเครื่อง

สรุปข้อดี
1. ลื่นขึ้นจาก Android ที่มาจากตัวเครื่อง และ Launcher อีกหลายตัว
2. ปรับแต่งได้เยอะ
3. มี Theme ให้เลือก
4. ฟรี
สรุปข้อเสีย
1. ลงใน SD Card ไม่ได้
2. อาจจะช้ากว่า Launcher Pro Plus และ Zeam Launcher

Tuesday, November 9, 2010

วิเคราะห์ Business Model ของ Alibaba.com ภาคแรก

หายหน้าหายตาไปหลายเดือนจนหยากไย่ขึ้นเต็มบล๊อกไปหมด ซึ่งอันที่จริงแล้วผมก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่วุ่นวายใบนี้แหละครับ เพียงแต่ช่วงก่อนหน้านี้งานยุ่งมากแถมหัวเสียกับหลายเรื่อง

วันนี้มีโอกาสกลับมาเขียนบล๊อกทั้งทีก็เลยลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง อยากจะมาลองเขียนบทความเกี่ยวกับ Business ที่ได้เสียเงินเสียทองและเสียเวลาไปร่ำเรียนมาเป็นเวลาปีกว่า ดูว่าจะทำให้เรามองอะไรกว้างขึ้นมั้ย (แหล่งข้อมูลมาจากรายงานวิชา B2B Marketing ของผมเอง ;P)

ถ้าจะกล่าวถึง E-Commerce Site ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ทุกคนก็คงนึกถึง Alibaba.com ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากใน 7 ปีที่ผ่านมา โดย Alibaba.com เริ่มก่อตั้งขึ้นที่อพาร์ทเมนต์ของนาย แจ็ค หม่า (Jack Ma) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นตลาดออนไลน์ โดยมีรูปแบบทางธุรกิจเป็นสื่อกลางแบบออนไลน์เพื่อจับคู่บริษัทซัพพลายเออร์ (Supplier) ของจีนกับบริษัทผู้ซื้อจากต่างชาติ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2B (Business to Business นั่นเองครับ)
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Alibaba.com ประสบความสำเร็จอย่างสูงในจีน คือ การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและเสนอทางเลือกที่สามารถแก้ปัญหาสำคัญให้กับกลุ่มลูกค้าได้ นั่นก็คือ ปัญหาของกลุ่มบริษัทเอกชนขนาดกลางและขนาดย่อมในจีนซึ่งมีจำนวนกว่า 42 ล้านราย แต่ส่วนใหญ่กลับไม่มีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และยังตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบภายใต้ระบบการปกครองแบบเผด็จการ แม้จะเป็นกลุ่มสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากรายได้หลักของประเทศมาจากภาคการส่งออกนั่นเอง

ปัจจุบันนี้ แหล่งซื้อขายออนไลน์ของ Alibaba.com มีตัวเลขผู้จดทะเบียนใช้บริการ 36 ล้านคนจากกว่า 240 ประเทศและภูมิภาค มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว และมีสำนักงานสาขาที่ให้บริการในกว่า 30 เมืองทั่วประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และล่าสุดได้ขยายธุรกิจไปยังอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี โดย Alibaba.com ได้เปิดให้บริการอีคอมเมิร์ซแบบ B2B แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เพื่อรองรับตลาด 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่

  • เว็บไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ (http://alibaba.com) สำหรับกลุ่มผู้นำเข้า-ส่งออกระดับโลก
  • เว็บไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์เวอร์ชั่นภาษาจีน (http://alibaba.com.cn ) สำหรับการซื้อขายภายในประเทศจีนและการซื้อขายผ่านบริษัทคู่ค้า
  • เว็บไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น (http://alibaba.co.jp ) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการนำเข้า-ส่งออกในญี่ปุ่น

นอกจากนี้
Alibaba.com ยังได้สร้างเครือข่ายธุรกิจออนไลน์ในนามของ อาลีบาบา กรุ๊ป ได้แก่

  • เถาเป่า (Taobao) เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซสินค้าผู้บริโภค (B2C) รายใหญ่ที่สุดของจีน ที่สามารถโค่นเว็บประมูลออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างอีเบย์ไชน่า (eBay China) ซึ่งเข้ามารุกตลาดจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ลงได้ เนื่องจากกลยุทธ์ที่เน้นการออกแบบเว็บให้สามารถเข้าถึงลูกค้าชาติเดียวกันได้ดีกว่า และยังให้บริการโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย จึงทำให้เถาเป่าสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 83% ในขณะที่อีเบย์ไชน่าเหลือส่วนแบ่งการตลาดเพียง 7%
  • อาลีเพย์ (Alipay) เป็นระบบตัวกลางในการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวกและปลอดภัย ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2004 โดยให้บริการที่เรียกว่า Escrow ระบบนี้ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่ได้รับ ซึ่งหากลูกค้าพึงพอใจในสินค้าที่ได้รับจริง ระบบจึงจะโอนเงินไปยังผู้ขาย ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพตามที่ผู้ขายกล่าวอ้างจริง ปัจจุบันระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในจีน มีร้านค้าออนไลน์มากกว่า 460,000 ร้านค้าที่รับชำระเงินโดยผ่านระบบของอาลีเพย์ รวมไปถึงบริษัทชั้นนำอย่าง Lenovo, CCTV, Aigo และ New Oriental และมีผู้ใช้บริการราว 350 ล้านคน
  • โกเบ (Koubei.com) เป็นเว็บสำหรับโฆษณาย่อยที่ผู้ใช้สามารถพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยน และค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงาน อพาร์ตเมนต์ให้เช่าและร้านอาหาร
  • อาลีซอฟท์ (Alisoft.com) เป็นซอฟท์แวร์บริหารธุรกิจทางอินเทอร์เน็ต ที่ได้รับการพัฒนา จัดการและจัดส่งให้แก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในจีน
  • อาลีมามา (Alimama.com) เป็นเว็บไซต์ให้บริการสำหรับสำนักพิมพ์และนักโฆษณาออนไลน์
  • ยาฮู ไชน่า (Yahoo China) เป็นระบบค้นหาข้อมูลและบริการออนไลน์รายใหญ่อันดับ 3 ของจีน ภายใต้ความร่วมมือกันของอาลีบาบาและยาฮู! ซึ่งแม้ยาฮู! จะมีถือหุ้นกว่า 40% แต่ก็ยอมให้อาลีบาบามีอำนาจในการบริหารยาฮู ไชน่าอย่างเต็มที่ โดยกลยุทธ์ที่สำคัญของยาฮู ไชน่าจะเน้นการค้นหาลูกค้า High-end ที่สนใจทำการค้า ลงทุน และจัดการการเงินส่วนบุคคลผ่านอินเทอร์เน็ต
  • อาลีบาบา คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Alibaba Cloud Computing) เป็นระบบที่เน้นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้บริการการทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) การประมวลผลข้อมูลในปริมาณมหาศาล และการจัดการข้อมูลเพื่อรองรับลูกค้าแต่ละราย ระบบนี้ได้รับการจัดตั้งในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 ในวาระที่อาลีบาบาก่อตั้งครบรอบ 10 ปี
  • อาลีเอ็กซ์เพรส (AliExpress.com) เปิดให้บริการในปีค.ศ. 2011 ให้เป็นช่องทางสำหรับผู้ริเริ่มทำธุรกิจ โดยจะเน้นการสั่งสินค้าในปริมาณน้อยกว่าอาลีบาบา เพื่อรองรับกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและผู้ที่สนใจจะเริ่มธุรกิจของตนเอง

แล้วอะไรล่ะที่เป็นปัญหาซึ่งเป็นแรงผลักดันให้กับ Alibaba.com

  • ปัญหาด้านภาษา : ประเทศจีนเป็นประเทศปิดอยู่ยาวนานหลายปี จนกระทั่งรัฐบาลจีนเริ่มที่จะเปิดประเทศมากขึ้นภายหลังการรวม ฮ่องกง เข้ากับประเทศจีน การค้าระหว่างประเทศจึงเติบโตขึ้น มีผู้สนใจจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในประเทศจีนเป็นอย่างมาก และเนื่องจากการเป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เป็นกำลังซื้อที่มหาศาล รวมถึงการมีสินค้าที่เป็น Supply ที่หลายประเทศในโลกต้องการ แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศจีนทำการค้าได้ยากก็คือ "ปัญหาทางด้านภาษา" ประชากรจีนส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จึงเป็นความยากที่จะทำให้ผู้ค้าจากต่างประเทศจะพบสินค้าจีนได้ กรณีนี้กล่าวรวมถึงประเทศที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลก ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ซึ่งอาจประสปปัญหาเดียวกับประเทศจีนอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นและขาดโอกาสในการขายได้
  • ปัญหาด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ : เป็นที่รู้กันว่าประเทศจีนมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก และยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ แต่ประเทศจีนรวมถึงประเทศอื่นทั่วโลกนั้นประกอบไปด้วยองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กมากมาย ซึ่งบางองค์การแทบจะไม่มีความรู้ความเข้าใจด้านไอที จึงไม่เห็นความสำคัญหรือโอกาสจากการนำไอทีมาใช้อย่างจริงจัง ส่งผลให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีน้อยและเสียโอกาสในการแข่งขันไป
  • ปัญหาของหน่วยธุรกิจทั่วโลก : องค์กรธุรกิจต้องการหาแหล่งซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ ในขณะเดียวกันฝั่งผู้ขายก็ต้องการขายสินค้าให้ได้ปริมาณมากขึ้น ซึ่งโอกาสที่ผู้ขายและองค์กรธุรกิจต้องการหาแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้ผลิตบางรายไม่สามารถจะหาลูกค้าได้หรือไม่ทราบแหล่งที่จะนำสินค้าไปขาย และอาจจะเสียค่าต้นทุนเพิ่มในการจัดจ้างพนักงานขายจำนวนมาก
  • ความกังวลในการใช้บริการร้านค้าออนไลน์ : องค์กรธุรกิจบางรายมีความกังวลในการซื้อวัตถุดิบหรือสินค้าผ่านระบบอินเตอร์เนท เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่า และโดยเฉพาะข้อมูลบัตรเครดิต เพราะว่าหากระบบไม่มีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ดีเพียงพอ ก็จะทำให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางที่มิชอบได้ นอกจากนี้ การปลอมแปลงสินค้า หรือได้รับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพก็เป็นอีกหนึ่งความกังวลในการใช้บริการ เพราะลูกค้าไม่สามารถเห็นสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ อาจจะทำให้ลูกค้าไม่พึงพอใจกับสินค้าที่ได้รับ เพราะปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์จำนวนมากที่เปิดบริการบนอินเตอร์เน็ต ถึงแม้การขยายตลาดร้านค้าออนไลน์สามารถตอบสนองความต้องการในการซื้อสินค้าที่หลากหลายของลูกค้า แต่ลูกค้าจะต้องเลือกใช้บริการร้านค้าออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือในการให้บริการและสินค้า
  • ปัญหาการขาดแคลนเงินทุนสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายกิจการและผู้ประกอบการที่อยากทำธุรกิจของตนเอง : การขาดแคลนเงินทุนสำหรับการขยายกิจการ ส่งผลกระทบในหลายด้าน คือ ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจลดลง ซึ่งทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือให้กับผู้ถือหุ้นหรือผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจนั้น และสามารถถอนหุ้นไปได้ในที่สุด ซึ่งก็ส่งผลกระทบทำให้ลูกค้าไม่มีความเชื่อถือกับบริษัทและเลิกใช้บริการ เพราะความไม่มั่นคงของบริษัท ซึ่งก็สามารถทำให้พนักงานในบริษัทเกิดความกังวลได้

เหนื่อยละ T^T เด๋วคราวหน้ามาต่อบทวิเคราะห์นะครับ