Showing posts with label data mining. Show all posts
Showing posts with label data mining. Show all posts

Thursday, February 16, 2012

Key Success Factor ของการทำ CRM กรณีศึกษา AIS

ปัจจุบันเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีมีเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการประกอบธุรกิจ ยิ่งมีการแข่งขันสูงขึ้นธุรกิจยิ่งต้องการข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจและคิดกลยุทธ์ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ได้ดีที่สุด และหนึ่งในระบบที่มีความสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการบริการลูกค้าที่ดีขึ้นก็คือระบบ CRM
จากกรณีศึกษาบริษัท AIS ชี้ให้เราเห็นว่าระบบ CRM เป็นเครื่องมือสำคัญที่บริษัทใช้สร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการจนทำให้มีจำนวนลูกค้าที่วางใจใช้บริการถึง 33 ล้านเลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555) และอัตรายกเลิกเลขหมายต่ำกว่าคู่แข่งถึง 60% ซึ่งเบื้อหลังความสำเร็จของการเป็นจ้าวตลาดนี้สามารถสรุปได้เป็นประเด็นหลักได้ดังนี้
1. มีการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้ AIS ประสบความสำเร็จผ่านเครื่องมือ CRM นั้นคือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับขนาด ประเภท และความต้องการของธุรกิจ โดยเริ่มตั้งแต่การใช้ระบบ CRM ของ Siebel ซึ่งเป็นระบบ CRM ระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยังสามารถปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับองค์กรที่นำไปใช้ได้อีกด้วย ซึ่งนี่เป็นประเด็นที่ค่อนข้างสำคัญเนื่องจากหลายองค์กรนำ CRM ไปใช้แต่ไม่ได้ปรับให้ระบบมีความเหมาะสมกับองค์กรจึงไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์จากการใช้ระบบนั้นเท่าที่ควร ซึ่งนอกจากนี้ AIS ยังมีระบบ Data Warehouse และระบบ Business Intelligent ที่มีประสิทธิภาพ กล่าวคือ AIS สามารถฐานข้อมูลขนาดยักษ์ ที่รวบรวมฐานข้อมูลจากหลายแหล่ง หลายช่วงเวลา มาไว้ ณ ที่เดียวกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุม เช่น ข้อมูลเบื้องต้น ข้อมูลการใช้งาน รวมไปถึงข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า โดยผ่านเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ดีแม้ว่าจะเป็นลูกค้าแบบ Pre Paid ซึ่งเข้าถึงข้อมูลได้ยาก แต่ AIS ก็มีวิธีการเก็บข้อมูลที่น่าสนใจเช่น การให้สิทธิประโยชน์บางประการกับลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อแลกกับข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งทำให้ AIS สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้บ้าง หรือการสร้างทีมขึ้นมาเป็นเก็บข้อมูล บริการและตอบคำถามลูกค้าในแหล่งสื่อที่แตกต่างกันไปตลอด 24 ชั่วโมง เช่น http://pantip.com เพื่อให้ได้ข้อมูลบริการที่ AIS ควรปรับปรุงหรือ      Feedback ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร หลังจากนั้นจึงทำการ Mining ข้อมูลเหล่านั้น หรือใช้ระบบ Business Intelligent เพื่อสร้างรายงานที่ได้จากการ Mining ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อให้ดูและวิเคราะห์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนที่ทำให้ AIS แตกต่างจากคู่แข่งขันคือการที่ AIS สามารถทำการรวบรวมและทำการ Mining ข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายได้ภายในเวลาอันรวดเร็วนั่นเอง
2. บุคลากรผู้วิเคราะห์และใช้ข้อมูลมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบ CRM เป็นแค่เครื่องมือในการทำธุรกิจ ดังนั้นปัจจัยที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรในการนำข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ไปใช้คือ      นักวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ AIS มีนักวิเคราะห์ที่สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการคิด Campaign หรือ Promotion เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ถึงแม้คู่แข่งจะมีระบบที่ทันสมัยทัดเทียมกัน จนทำให้ข้อมูลที่ได้ออกมามีความคล้ายคลึงกันก็ตาม ผู้ใช้งานข้อมูลเหล่านี้จะเป็นปัจจัยในการสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรเอง ซึ่งการที่ AIS สามารถสร้างนักวิเคราะห์รวมถึงเหล่าผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพในการนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนี้ ชี้ให้เห็นว่า AIS ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในทรัพยากรบุคคลไม่ว่าจะเป็น Recruitment and Selection หรือ Training อีกด้วย
3. การให้ความสำคัญกับระบบ Call Center and IVR Solutions รวมถึงการสร้างค่านิยมองค์กร การจะสร้างธุรกิจบริการให้มีประสิทธิภาพนั้น ระบบ Call Center เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น AIS จึงให้ความสำคัญในการ Training บุคลากรที่จะมารับหน้าที่ Call Center และพนักงานให้บริการให้มีความเข้าใจในการสร้างความสัมพันธ์และให้การบริการลูกค้า เนื่องจากพนักงานให้บริการและ Call Center ถือเป็น Front Line ในการติดต่อกับลูกค้าโดยตรง นอกจากนี้ AIS ยังปลูกฝังค่านิยมในการให้บริการให้พนักงานทุกคนและเปิดกว้างในการเสนอ Solutions ให้ลูกค้าตาม สถานการณ์ที่กำหนดเอาไว้เพื่อการตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งการจะทำ CRM ให้ประสบความสำเร็จสูงสุดได้นั้น พนักงานให้บริการก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ องค์กรจำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างการบริการให้เป็นแบบ Customer Centric เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างดีที่สุด ระบบ CRM นั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่จะทำให้การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น CRM ที่แท้จริงควรจะเกิดจากองค์กร ไม่ใช่เครื่องมือ

ข้อเสนอแนะ
โดยภาพรวมนั้น AIS ถือเป็นองค์กรที่โดดเด่นในการนำ CRM ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากองค์กรต้องการที่จะพัฒนาคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้นไป ควรจะมีการเสริมปัจจัยดังต่อไปนี้
1.    เสนอแนะเรื่องการสร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้า Pre Paid เข้าร่วมโดยสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมกันทำธุรกิจ เช่น Major Cineplex, Mc Donald ซึ่งเป็นบริการที่ AIS มีอยู่แล้ว แต่อาจจะเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะ Interface ระบบกับ AIS eService ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้เรารู้จักลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านการ Verification ของตัวลูกค้าเอง ดังนั้นสิ่งที่ AIS ควรจะทำเพิ่มคือการเสนอโปรโมชั่นหรือส่วนลดของสินค้าหรือบริการที่โดนใจลูกค้าโดยส่งเสริมให้มาลงทะเบียนผ่าน AIS eService เพื่อที่ AIS จะสามารถดูแลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

Tuesday, April 20, 2010

มหากาพย์แห่ง Business Intelligent และ Pentaho ภาคอวสาน

ต่อเนื่องจากมหากาพย์ภาคแรก ภาคนี้จะมาบอกถึง Feature ตัวที่เหลือที่น่าสนใจของ Pentaho ให้ได้รู้กัน

Reporting

Pentaho Reporting ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลในรายงานตาม Layout ที่กำหนด (Static Report) ได้หลายรูปแบบทั้งในรูปแบบของ PDF, Excel, RTF, Text File ซึ่งรายงานดังกล่าวสามารถจัดส่งถึงผู้ใช้งานผ่านทาง Web Portal, E-Mail หรือแม้แต่ใน Application


ความสามารถของ Reporting ประกอบด้วย

  • รองรับมาตรฐาน Java 100% (อีกแล้ว)
  • มีความยืดหยุ่นในการ Deployment รายงานที่ออกแบบในเครื่อง Desktop ไปเป็นรายงานที่อยู่บนเว็บซึ่งสามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้
  • รองรับการเชื่อมต่อกับข้อมูลได้ทั้งแบบที่เป็น Relational Database, OLAP หรือแม้แต่ XML
  • กำหนดรูปแบบของรายงานได้หลายรูปแบบ เช่น PDF, Excel, RTF, Text File
  • มีเครื่องมือช่วยในการสร้างรายงาน ช่วยให้สร้างรายงานได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น (ใครเคยเล่น iReport หรือ Crystal Report จะเห็นภาพ)
  • เชื่อมต่อกับ Data Source ได้โดยตรงหรือจะผ่าน META-DATA ก็ได้
  • ตั้งเวลาในการสร้างรายงานหรือจะสร้างรายงานทันทีที่ต้องการใช้งาน
  • ส่งรายงานได้หลายช่องทาง เช่น E-Mail, Printer, File Server, Web Portal, Application หรือแม้แต่ Web Service
  • แสดงข้อมูลในรายงานได้หลายหลายรูปแบบ เช่น Table, Chart, Template, Sub Report, Drill Link, Header, Footer เป็นต้น
  • รองรับ JDBC 2.0 เป็นต้นไป
  • รองรับหลากหลายฐานข้อมูล เช่น Oracle, DB2, Microsoft SQL, MySQL, PostgreSQL และอีกมากมาย
  • รองรับหลายการใช้หลาย Data Source ในหนึ่งรายงาน
  • สามารถแยกรายงานหนึ่งตัวออกเป็นหลายไฟล์ตามเงื่อนไขที่ระบุ เช่นแยกตามกลุ่มผู้ใช้งาน โดยในแต่ละไฟล์ สามารถระบุได้ว่าจะจัดส่งรายงานด้วยวิธีใด เช่น ส่ง E-Mail, พิมพ์ออกเครื่องพิมพ์ ความสามารถทั้งหมดที่กล่าวมาเรียกว่า Report Bursting
  • ระบุเงื่อนไขในการสร้างรายงาน ผู้ใช้งานสามารถระบุ Parameter ได้ตามต้องการ


Ad-hoc Query


Pentaho Ad-hoc Query เป็นส่วนที่ต่อขยายจาก Pentaho Reporting ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายงานอย่างง่าย ได้ด้วยตัวเอง โดยมีเครื่องมือลักษณะเป็น Wizard อ่านข้อมูลจาก META-DATA ร้างไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งจะใช้ข้อความหรือคำศัพท์ที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจในข้อมูลที่จะเลือกมาสร้างรายงาน

ความสามารถของ Reporting ประกอบด้วย -

  • รองรับมาตรฐาน Java 100%
  • สร้างรายงานอย่างง่ายได้ด้วยตัวเอง เพียงลากวาง (Drag and Drop) ข้อมูลที่ต้องการ จาก META-DATA
  • จัดเรียงข้อมูล (Sorting) และกรองข้อมูล (Filter) ได้ตามต้องการ
  • ระบุขนาดกระดาษ, ชื่อรายงาน, ข้อความที่จะพิมพ์บน Header และ Footer ได้ตามต้องการ
  • มี Template ของรายงานให้เลือกใช้
  • Ad-hoc Query ที่สร้างขึ้นสามารถปรับปรุงรูปแบบให้ดีขึ้นได้ด้วย Report Designer


Analysis


ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงโต้ตอบ (Interactive) กับข้อมูลที่เก็บอยู่ในฐานข้อมูลโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน Programming ผู้ใช้งานสามารถหาคำตอบจากคำถามทางธุรกิจที่ตนเองสงสัยได้ด้วยตนเอง

ความสามารถของ Analysis ประกอบด้วย

  • รองรับมาตรฐาน Java 100%
  • ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว เพียงลากวางข้อมูลที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถ Drill Down ลงไปดูรายละเอียดข้อมูลที่ต้องการได้อีกด้วย
  • แสดงข้อมูลในลักษณะ Cross Tab Report
  • การดูข้อมูลในมุมมองต่างๆ (Dimension) ไม่ว่าจะมองมุมมองเดียว (Slice) หรือหลายมุมมอง (Dice)
  • สามารถแสดงแผนภาพ (Chart) ตามข้อมูลที่เลือกได้
  • คำนวณข้อมูลที่ซับซ้อนได้หลายหลายมุมมอง (Multi Dimensional)
  • export ข้อมูลออกมาได้หลายรูปแบบ เช่น PDF, HTML, Excel, RTF, Text File
  • รองรับ Multidimensional Expression (MDX) language เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลในรูปแบบที่ซับซ้อน
  • ดูข้อมูลแบบลำดับชั้นได้ (Hierarchy)
  • รองรับ JDBC 2.0 เป็นต้นไป
  • รองรับหลากหลายฐานข้อมูล เช่น Oracle, DB2, Microsoft SQL, MySQL, PostgreSQL และอีกมากมาย
  • กำหนดสิทธิ์การใช้งานได้ข้อมูล RDBMS

Dashboard


ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นข้อมูลประสิทธิภาพการทำงาน (Performance) และเป้าหมายการทำงานทั้งในระดับส่วนตัว, ระดับแผนก, ระดับบริษัท ในรูปแบบที่เป็นรูปภาพหรือแผนภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นข้อมูลในแต่ละระดับในภาพรวมซึ่งสามารถนำไปพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานต่อไป

ความสามารถของ Dashboard ประกอบด้วย -

  • รองรับมาตรฐาน Java 100%
  • ช่วยในการชี้วัดประสิทธิภาพการทำงาน
  • ง่ายต่อการเข้าใจข้อมูลเนื่องจากแสดงข้อมูลในรูปแบบที่เป็นรูปภาพหรือแผนภาพ
  • เชื่อมต่อกับ Pentaho Reporting และ Pentaho Analysis ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูรายละเอียดของข้อมูลที่มีปัญหาหรือข้อสงสัยได้ (Drill Down)
  • เชื่อมต่อกับ Portal ทำให้สามารถแสดงข้อมูลได้หลายหลายและเป็นอิสระต่อกัน ซึ่งทำให้รองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่มากขึ้น
  • กำหนดเงื่อนไข เพื่อให้ระบบแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ทราบถึงสถานการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับมือหรือแก้ปัญหากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

Data Integration


คือเครื่องมือที่ใช้สร้างคลังข้อมูล (Data Warehouse) โดยทั่วไปเครื่องมือดังกล่าวเรียกว่า ETL (Extraction, Transformation and Loading)

  • Extraction คือการดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่เราต้องการมาเก็บไว้ใน Data Warehouse โดยจะดึงมาเฉพาะข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาหรือข้อมูลที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข โดยข้อมูลที่ดึงมาจะมาเก็บพักไว้ก่อนซึ่งเรียกว่า Staging Area•
  • Transformation คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของข้อมูลที่ได้จากการ Extract ให้อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องตามโครงสร้างของ Data Warehouse •
  • Loading คือการเก็บข้อมูลลงใน Data Warehouse หลังจากทำการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้อง

ความสามารถของ Pentaho Data Integration ประกอบด้วย

  • รองรับมาตรฐาน Java 100%
  • ง่ายต่อการใช้งาน ด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้ในรูปแบบกราฟิก เพียงลากวางเครื่องมือต่างๆ ตามกระบวนการที่ต้องทำ
  • รองรับ Slowly Changing Dimension และ Junk Dimension
  • ออกแบบมาเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพ (Performance) และการขยายระบบเมื่อระบบมีปริมาณการใช้งานที่มากขึ้น (Scalability)
  • มีเครื่องมือในการเชื่อมต่อกับระบบ ERP (ERP Connectors)
  • มีเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Quality)
  • รองรับหลากหลายแหล่งข้อมูล (Data Source) ไม่ว่าจะเป็น Database, File Base (DBF), Text File, Excel File และอื่นๆ
  • เชื่อมต่อกับ Pentaho BI Suite ทำให้สามารถใช้ความสามารถอื่นๆร่วมกันได้เช่น เรื่องของการ Scheduling, Security, Workflow เป็นต้น
  • นำไปใช้งานในลักษณะต่างๆ ดังนี้ สร้างคลังข้อมูล (Populate Data Warehouse), Export ข้อมูลจากฐานข้อมูลไปเป็น Text File, Import ข้อมูลจาก Text File เข้าฐานข้อมูล, นำข้อมูลจากฐานข้อมูลหนึ่งไปเข้าอีกฐานข้อมูลหนึ่ง, ดูข้อมูลจากฐานข้อมูลที่มีอยู่

ที่มา : http://www.goingjesse.com/gj/index.php?option=com_content&view=article&id=11&Itemid=2

นี่คือความสามารถที่ Pentaho ได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ดังนั้นการทำ Business Intelligent ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียนรู้อีกต่อไป หากใครสนใจก็สามารถไปศึกษาต่อได้ที่ http://www.pentaho.com/

Note : ข้อความในนี้ส่วนใหญ่หาข้องมูลจาก Commercial Site ของ Pentaho

Monday, April 19, 2010

มหากาพย์แห่ง Business Intelligent และ Pentaho ภาคแรก

สวัสดีอีกครั้ง หลังจากวันหยุดยาว ทำให้ผมมีเวลา (นอน) มากขึ้น พอดีช่วงนี้กำลังศึกษาเรื่อง BI (Business Intelligent) ก็เลยลองหา Opensource Software ที่มาใช้ทำ BI ดูแล้วผมก็ได้เจอนี่ครับ "Pentaho" ชื่ออาจจะดูแปลก (ประมาณอินเดียนแดงหรืออะไรทำนองนั้น) แต่ความสามารถนั้นแจ่มใช้ได้เลยทีเดียว
ก่อนอื่น สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานก็ต้องมาศึกษาก่อนว่า BI คืออะไร แล้วมันมีประโยชน์ต่อธุรกิจยังไงบ้าง

Business Intelligent คืออะไร

ปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันธุรกิจก็มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าการที่องค์กรจะอยู่ได้นั้นจะต้องมีการใช้ข้อมูลที่ทันสมัยและทันท่วงที เพื่อช่วยในการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและสามารถนำไปวางแผน หรือ แก้ปัญหาเชิงธุรกิจได้ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านั้น

  1. องค์กรจำเป็นต้องมีการแสวงหาหนทาง ในการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ได้มากพอ เพราะว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่ใช่ข้อมูลภายในองค์กรเท่านั้น อาจจะเป็นข้อมูลขององค์กรที่เป็นคู่แข่งหรือเป็นข้อมูลของ องค์กรอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันก็เป็นไปได้
  2. การเลือกสรรข้อมูลที่มีคุณค่าจากกองข้อมูลที่มีขนาดเท่ากลุ่มเสื้อแดง (มหึมา) เพื่อให้แน่ใจว่าระบบข้อมูลที่พัฒนาขึ้นมานั้นเป็นข้อมูลที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรได้ เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีระบบที่สามารถช่วยเตรียมข้อมูลที่ลึกซึ้ง และมีคุณค่าทางกิจกรรมทางธุรกิจให้แก่องค์กรได้

ปัจจุบันการวางแผนทางกลยุทธ์ของบริษัทนั้นจำเป็นต้องใช้ข้อมูลมากมาย ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูล ทางด้านการตลาด การขาย การเงิน การผลิตนั้นจะต้องต่อกับเหตุการณ์ซึ่งมีข้อมูลเกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นการจัดทำรายงาน จะต้องมีการแก้ไขบ่อย และมีความยุ่งยากมาก

Business Intelligent ก็คือ Software ที่นำข้อมูลที่มีอยู่เพื่อจัดทำรายงานในรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับมุมมองในการวิเคราะห์, ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลของงานในมุมมองต่างๆ

เช่น

  • วิเคราะห์การดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อการตัดสินใจด้านการลงทุนสำหรับผู้บริหาร
  • วิเคราะห์และวางแผนการขาย / การตลาด เพื่อประเมินช่องทางการจำหน่าย ฯลฯ
  • วิเคราะห์สินค้าที่ทำกำไร สูงสุด / ขาดทุนต่ำสุด เพื่อการวางแผนงานด้านการตลาด และการผลิต
  • วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อยอดขายของสินค้า ฯลฯ
  • วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งขัน ฯลฯ

Business Intelligence จะประกอบไปด้วยระบบข้อมูล และ Application ด้านการวิเคราะห์ มากมายหลายอย่าง เช่น

  • Data Warehouse
  • Data Mart
  • Data Mining
  • Operations Research & Numerical Methods
  • OLAP
  • Search, Report

จากข้างบนเราสามารถสรุปได้ว่า Business Intelligent มีประโยชน์มากมายต่อองค์กรดังนี้

  • ทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ดี ทำให้เกิดการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการดูแลปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลาโดยเฉพาะ ซึ่งง่ายต่อการรายงาน การติดตาม และการประเมินผลต่อผู้บริหาร
  • ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน และสามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพบนเครือข่ายความเร็วสูง การสร้างระบบจำลองข้อมูลเพื่อการบริหาร (Decision Support System) เพื่อให้ผู้บริหารสามารถใช้แบบจำลองข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ และการคาดการสถานการณ์ล่วงหน้าได้

ร่ายซะยาวยังไม่ได้เข้าเรื่อง Pentaho ซักนิดเลย เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาทำความรู้จัก Pentaho กันเลย

Pentaho คืออะไร

Pentaho ก็คือ Opensource Software ที่ใช้มาเพื่อจัดการ Business Intelligent นี่หละครับโดยที่ Pentaho จะมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้อย่างมากมายและครบถ้วนกระบวนความ ไม่ว่าจะเป็น Data Integration, Reporting, Ad-hoc Query, Analysis, Dashboard หรือแม้แต่ Data Mining ดังนั้น Pentaho จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่ามากในการเลือกเพื่อมาพัฒนาระบบ DWH(Data Warehouse) และ BI

Pentaho นี้ได้รวบรวม Application ทางด้าน BI เข้าด้วยกันเพื่อทำงานร่วมกันเป็น Solution โดยสามารถแบ่งเป็นส่วนประกอบหลักได้ 6 ส่วนคือ

  1. Platform
  2. Reporting
  3. Ad-hoc Query
  4. Analysis
  5. Dashboard
  6. Data Integration

Plateform






ถ้าดูจากรูปหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) อาจจะยังไม่เข้าใจว่านี่คืออะไร ออกแนวมึนตึ้บ เนื่องจากขาดความเชี่ยวชาญทางด้าน BI ดังนั้นให้ลงมามองที่ข้อความก่อนแล้วถึงขึ้นไปดูก็จะช่วยได้ (เล็กน้อย - -")

  • Solution Engine ที่เป็นหัวใจหลักของ Pentaho Platform ทำหน้าที่อ่านและสั่ง Process (Action Sequences) ของ BI ให้ทำงาน เช่น Reporting, Analysis, Dashboard
  • Solution Repository ทำหน้าที่เก็บ Template, Query, Report, Business Rule, Process, Style Sheet และ Action Sequence ซึ่งเก็บอยู่ใน Database ที่เรียกว่า Solution Database
  • Runtime Engine ทำหน้าที่อ่าน Resource ไม่ว่าจะเป็น Query, Report, Business Rule, Process, Style Sheet และ Action Sequence จาก Solution Repository มาเพื่อประมวลผลแล้วทำการบันทึกข้อมูลการประมวลผลลงในส่วนของ Auditing ซึ่งตัว Runtime Engine ก็คือ BI Virtual Machine เป็น Environment สำหรับประมวลผลตัว Action Sequence
  • BI Components คือ ส่วนประกอบหลักที่ถูกเรียกใช้งานและถูกควบคุมการทำงานผ่าน Action Sequence โดย BI Component พื้นฐานที่ติดมากับ Pentaho BI Platform ได้แก่ reporting, charting, OLAP, ETL, dashboard, workflow, scripting เป็นต้น นอกจากนี้เรายังสามารถนำ Component อื่นๆ ที่เขียนขึ้นเองหรือของ Third Party เข้ามาใช้ต่อพ่วงกับ Pentaho BI Platform ได้อีก อย่างเช่น E-Mail, Print
  • API คือส่วนของ Application Programming Interface ที่ถูกออกแบบมาในลักษณะ SOA (Service Oriented Architecture) ทำให้ง่ายแก่การเรียกใช้ เพียง 5 บรรทัดของ Java ก็สามารถเรียกใช้ HTTP, JMS, SOAP, AJAX, POJOs, BPEL ผ่าน Action Sequence ได้
  • User Interface คือส่วนที่ใช้แสดงผลให้กับผู้ใช้งานโดย โดยสร้างการแสดงผลมาจาก HTML ซึ่งสามารถแปลงมาจาก XML และยังสามารถใช้งาน AJAX, Single Sign on และ Security ร่วมกับ User Interface ได้
  • Client คือส่วนที่ผู้ใช้งานสามารถเรียกประมวลผล Action Sequence, Workflow, ESB, SOA ได้เป็นต้น โดยสามารถเป็นได้ทั้งแบบ Remote หรือ Local การเรียกใช้งานก็สามารถเรียกผ่าน Web Browser หรือจะเรียกผ่าน Application ที่เขียนขึ้นมาเองก็ได้
  • Configuration ใช้กำหนดชื่อ Component ที่ต้องการเรียกใช้ พร้อมทั้งกำหนดค่า Standard Parameter ในการเรียกใช้ไว้ในส่วนของ Configuration

ความสามารถของ Platform ประกอบด้วย

  • รองรับมาตรฐาน Java 100%
  • เชื่อมต่อกับ Data Source, Portal และ Application ผ่าน Open Standard
  • เชื่อมต่อกับ Application ตั้งเวลา (Scheduling) การตรวจสอบรหัสผู้ใช้งานเพื่อเข้าระบบ (Authentication) และสิทธิ์การใช้งานของแต่ละรหัสผู้ใช้งาน (Authorization)
  • รองรับการปรับแต่ง Application โดยใช้ APIs, Web Services หรือทำการแก้ไข Template, Business Rules หรือแม้แต่ Source Code
  • ออกแบบโดยเน้น Workflow-Base จึงช่วยให้สามารถแก้ไขระบบตามความต้องการได้
  • มีการบันทึก Log การเข้าใช้งานของผู้ใช้งานแต่ละคน ทำให้สามารถติดตามการใช้งานของผู้ใช้งานแต่ละคนได้

ที่มา : http://www.goingjesse.com/gj/index.php?option=com_content&view=article&id=11&Itemid=2


เขียนไป ก๊อปไป อ่านไป เพลินมากเหลือบขึ้นไปดู โว้ว!!~ ยาวมากจนต้องเปลี่ยนชื่อบทความ ก็เลยตัดไว้แค่นี้ก่อนละกัน เด๋วจะท้อกับการอ่านซะก่อน เด๋วเอาไว้จะอัพภาคต่อของ Pentaho รวมไปถึง Feature ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีก 5 อันมาให้ได้ชมได้อ่านกันนะครับ

Note : ข้อความในนี้ส่วนใหญ่หาข้องมูลจาก Commercial Site ของ Pentaho